ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ในบริบทการเมืองแข่งขันสูงและพรรคการเมืองใหม่
Executive Summary สำหรับผู้กำหนดนโยบายและผู้นำทางการเมือง
ภูมิหลังของปัญหา
การเมืองไทยร่วมสมัยมีลักษณะเด่นคือการแข่งขันทางนโยบายที่เข้มข้น การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองใหม่ และความคาดหวังของประชาชนต่อผลลัพธ์ที่รวดเร็ว วัดผลได้ และโปร่งใส นโยบายสาธารณะจึงมักถูกออกแบบเป็น “นโยบายเฉพาะจุด” เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมืองในระยะสั้น
อย่างไรก็ตาม การเน้นนโยบายเฉพาะจุดโดยปราศจากกรอบโครงสร้างระยะยาว อาจนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำเชิงโครงสร้าง ความไม่ต่อเนื่องของนโยบาย และความเปราะบางทางสังคม
ประเด็นวิเคราะห์หลัก
บทวิเคราะห์นี้เสนอว่า “ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์” ไม่ได้ล้าสมัยหรือขัดแย้งกับการเมืองแข่งขันสูง หากแต่ควรถูกยกระดับจากการเป็นนโยบายของรัฐในยุคหนึ่ง ไปสู่การเป็น กรอบโครงสร้างของรัฐประชาธิปไตย ที่รองรับนโยบายเฉพาะจุดของพรรคการเมืองต่าง ๆ
ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์เน้นการพัฒนาคนเป็นศูนย์กลาง การลงทุนด้านการศึกษาและสุขภาพ และการลดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งทำหน้าที่สร้างเสถียรภาพทางสังคมและเศรษฐกิจในระยะยาว ขณะที่นโยบายเฉพาะจุดสร้างประสิทธิภาพและความชอบธรรมในระยะสั้น ทั้งสองจึงทำหน้าที่ในคนละระดับและสามารถเกื้อหนุนกันได้
ข้อค้นพบสำคัญ
นโยบายเฉพาะจุดให้ผลเร็ว แต่ไม่รับประกันความเป็นธรรมเชิงโครงสร้าง
ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ทำหน้าที่เป็น “ระบบปฏิบัติการ” ของนโยบายสาธารณะ
การลงทุนในคนเป็นฐานของรัฐสวัสดิการที่ยั่งยืน มากกว่าการแจกจ่ายทรัพยากร
ข้อเสนอเชิงนโยบาย
วางปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์เป็นกรอบพัฒนาข้ามพรรค
ประเมินนโยบายใหม่ทุกนโยบายด้วยผลกระทบต่อการพัฒนาคนและความเหลื่อมล้ำ
สร้างฉันทามติทางโครงสร้างเพื่อรองรับการแข่งขันทางการเมือง
สาระสำคัญ
ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์คือโครงสร้าง
นโยบายพรรคการเมืองคือกลไก
และเสถียรภาพทางสังคมคือผลลัพธ์
2) บทโต้แย้ง (Counter-Argument) เพื่อเพิ่มความคมเชิงวิชาการ
ข้อโต้แย้งที่ 1: ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ล้าสมัยในยุคการเมืองเทคโนโลยี
คำวิจารณ์:
ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์เกิดในยุครัฐนำการพัฒนาและสังคมอุตสาหกรรม ไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจดิจิทัลและการเมืองแบบแพลตฟอร์ม
คำตอบเชิงโต้แย้ง:
ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์มิใช่ชุดเครื่องมือเชิงเทคนิค แต่เป็นกรอบคิดเชิงโครงสร้างที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาคน ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจดิจิทัล หากขาดการลงทุนด้านการศึกษาและสุขภาพ เทคโนโลยียิ่งจะขยายความเหลื่อมล้ำมากกว่าลดทอน
ข้อโต้แย้งที่ 2: กรอบโครงสร้างไม่เตื่นเต้นทางการเมือง
คำวิจารณ์:
แนวคิดเชิงโครงสร้างไม่สามารถแปลงเป็นคะแนนเสียงได้ในระยะสั้น จึงเสียเปรียบพรรคการเมืองใหม่
คำตอบเชิงโต้แย้ง:
บทบาทของกรอบโครงสร้างไม่ใช่การหาเสียง แต่คือการกำหนดขอบเขตของการแข่งขัน หากไม่มีกรอบเช่นนี้ การเมืองจะกลายเป็นการแข่งขันของนโยบายเฉพาะกลุ่ม ซึ่งบั่นทอนฉันทามติและเสถียรภาพในระยะยาว
ข้อโต้แย้งที่ 3: ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์ขัดกับนโยบายเฉพาะจุด
คำวิจารณ์:
การเน้นโครงสร้างระยะยาวทำให้รัฐเคลื่อนตัวช้าและไม่ตอบสนองต่อปัญหาเฉพาะหน้า
คำตอบเชิงโต้แย้ง:
ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์และนโยบายเฉพาะจุดทำงานคนละระดับ นโยบายเฉพาะจุดสร้างผลลัพธ์ระยะสั้น ขณะที่สุขวิชโนมิกส์สร้างเสถียรภาพระยะยาว การขาดอย่างใดอย่างหนึ่งจะทำให้รัฐเสียสมดุล
ข้อโต้แย้งที่ 4: ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์คือรัฐสวัสดิการแบบเก่า
คำวิจารณ์:
แนวคิดนี้นำไปสู่รัฐสวัสดิการที่ใช้งบประมาณสูงและไม่มีประสิทธิภาพ
คำตอบเชิงโต้แย้ง:
ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์เน้น “รัฐสวัสดิการเชิงลงทุนในคน” ไม่ใช่การแจกจ่ายเพื่อการบริโภค แต่เป็นการเพิ่มขีดความสามารถของประชาชน ซึ่งช่วยลดภาระรัฐในระยะยาว
ประโยคปิดเชิงวิชาการ
ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์จึงไม่ใช่อดีตของการพัฒนา หากแต่เป็นเงื่อนไขเชิงโครงสร้างที่ทำให้การเมืองแข่งขันสูงสามารถดำรงอยู่ร่วมกับความยั่งยืนและสันติภาพทางสังคมได้
ปรัชญาเศรษฐศาสตร์ ความยั่งยืน และ สันติภาพ
นโยบายพรรคการเมืองคือกลไก
และเสถียรภาพทางสังคมคือผลลัพธ์